ประวัติบ้านธาตุและพระศรีมหาศรี
การค้นพบครั้งแรกนั้น ตามตำนานในหนังสือผูก (หนังสือใบลาน) เขียนตัวอักษรธรรม
ผสมตัวอักษรขอม จารึกไว้ในวัด พ่อตาโหล ผาจวง ได้บันทึกไว้ สมัยตอนท่านบวชเรียน เมื่อปี
พ.ศ ๒๔๙๔ ประมาณ ๖๒ ปีมาเเล้ว ตำนานการค้นพบบ้านธาตุนี้ บุคคลที่เข้ามาพบนั้นได้หนีภัยกลางเมืองมา คือ ท้าวขุนลาง-ท้าวศรีธาตุ-นางชาตรี และมีผู้ติดตามอีก ๔-๕ คน ได้เดินทามาจากเวียงจันทร์ จะไปค้าขายที่เมทองสุรินทร์ สินค้าที่จะนำไปนั้นคือ ต่างคำ-แหย่งทองคำ เป็นของประทับบนหลังช้าง พอเดินทางมาถึงบ้านทุ่งหลวง วัวที่ลากเกวียนนั้นได้เกิดล้มตาย ในที่สุดได้พากันทำการขุดฝัง
ต่างคำ-แหย่งทองคำ ไว้ที่ตรงนั้น แล้วได้อธิษฐาน ฝากพระเเม่ธรณีไว้ ปัจจุบันที่ตรงนั้นคือ บ้านเหล่าต่างคำ ขณะนั้น เมืองเวียงจันทร์ เกิดการแย่งชิงอำนาจ ถ้าพวกเขากลับไปคงถูกฆ่าตายหมด ท้าวขขุนล่าง-ท้าวศรีธาตุ ได้ปรึกษาหารือกันแล้ว จึงได้เปลี่ยนเส้นทาง มาทางทิศใต้ จนมาพบต้นบกใหญ่ มีจอมปลวกขึ้น และเต็มไปด้วยเถาวัลย์ปกคลุมไว้มากมาย สิงสาลาสัตว์ ปูปลานั้นอุดมสมบูรณ์มีหนองน้ำใหญ่ มีปลาชุกชุมมากมาย และพวกเขาก็ได้พบองค์พระธาตุ จึงหยุดเดินทางต่อ แล้วได้ตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่ และได้บูรณะองค์พระธาตุ และได้สร้างพระธาตุเพิ่มขึ้นอีก เป็น ๘ องค์ รวมกับพระธาตุองค์ใหญ่
เป็น ๙ องค์ และได้สร้างกำเเพงล้อมรอบไว้ เท่าที่เราเห็น ในขณะนี้ และได้สร้างวัดไว้หลายแห่ง จนในที่สุดบ้านเมืองเจริญขึ้นท้าวศรีธาตุนั้น ตามคำสันนิษฐาน ท่านเลื่อมใสในองค์พระธาตุมากเลยตัดสินใจบวชในพระพุทธศาสนา แล้วตั้งชื่อวัดว่า วัดศรีธาตุ ตั้งชื่อบ้านว่า บ้านโพนบก ท่างคงตั้งชื่อวัดตามนามของท่าน นานๆ ไป ชาวบ้านเลยพูดเพี้ยน และพูดรวมกันไปว่า บ้านธาตุโพนบก หรือ
ธาตุดอนน้อยโพนบก
พ.ศ ๒๔๙๔ ประมาณ ๖๒ ปีมาเเล้ว ตำนานการค้นพบบ้านธาตุนี้ บุคคลที่เข้ามาพบนั้นได้หนีภัยกลางเมืองมา คือ ท้าวขุนลาง-ท้าวศรีธาตุ-นางชาตรี และมีผู้ติดตามอีก ๔-๕ คน ได้เดินทามาจากเวียงจันทร์ จะไปค้าขายที่เมทองสุรินทร์ สินค้าที่จะนำไปนั้นคือ ต่างคำ-แหย่งทองคำ เป็นของประทับบนหลังช้าง พอเดินทางมาถึงบ้านทุ่งหลวง วัวที่ลากเกวียนนั้นได้เกิดล้มตาย ในที่สุดได้พากันทำการขุดฝัง
ต่างคำ-แหย่งทองคำ ไว้ที่ตรงนั้น แล้วได้อธิษฐาน ฝากพระเเม่ธรณีไว้ ปัจจุบันที่ตรงนั้นคือ บ้านเหล่าต่างคำ ขณะนั้น เมืองเวียงจันทร์ เกิดการแย่งชิงอำนาจ ถ้าพวกเขากลับไปคงถูกฆ่าตายหมด ท้าวขขุนล่าง-ท้าวศรีธาตุ ได้ปรึกษาหารือกันแล้ว จึงได้เปลี่ยนเส้นทาง มาทางทิศใต้ จนมาพบต้นบกใหญ่ มีจอมปลวกขึ้น และเต็มไปด้วยเถาวัลย์ปกคลุมไว้มากมาย สิงสาลาสัตว์ ปูปลานั้นอุดมสมบูรณ์มีหนองน้ำใหญ่ มีปลาชุกชุมมากมาย และพวกเขาก็ได้พบองค์พระธาตุ จึงหยุดเดินทางต่อ แล้วได้ตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่ และได้บูรณะองค์พระธาตุ และได้สร้างพระธาตุเพิ่มขึ้นอีก เป็น ๘ องค์ รวมกับพระธาตุองค์ใหญ่
เป็น ๙ องค์ และได้สร้างกำเเพงล้อมรอบไว้ เท่าที่เราเห็น ในขณะนี้ และได้สร้างวัดไว้หลายแห่ง จนในที่สุดบ้านเมืองเจริญขึ้นท้าวศรีธาตุนั้น ตามคำสันนิษฐาน ท่านเลื่อมใสในองค์พระธาตุมากเลยตัดสินใจบวชในพระพุทธศาสนา แล้วตั้งชื่อวัดว่า วัดศรีธาตุ ตั้งชื่อบ้านว่า บ้านโพนบก ท่างคงตั้งชื่อวัดตามนามของท่าน นานๆ ไป ชาวบ้านเลยพูดเพี้ยน และพูดรวมกันไปว่า บ้านธาตุโพนบก หรือ
ธาตุดอนน้อยโพนบก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น